การย่อคำว่า "Shortening" ในขนมอบคืออะไร?

ในโลกของการทำขนมอบและเบเกอรี่ เรามักจะได้ยินคำว่า "shortening" หรือ "ชอร์ตเทนนิ่ง" แต่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร และมีบทบาทสำคัญอย่างไรในกระบวนการทำขนมอบอย่างขนมปังหรือคุกกี้

Shortening เป็นสารประกอบประเภทไขมันที่ใช้ในการทำขนมอบเพื่อเพิ่มความกรอบและเนื้อสัมผัสที่ดีให้กับขนมปังและขนมอบต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว ชอร์ตเทนนิ่งจะมีลักษณะเป็นไขมันที่ไม่ละลายในน้ำ และมักจะถูกนำมาใช้แทนเนยหรือน้ำมันในการทำขนม

การใช้ shortening มีข้อดีหลายประการ เช่น ความสามารถในการทำให้เนื้อขนมกรอบมากขึ้น และยังช่วยให้ขนมอบมีอายุการเก็บรักษานานขึ้น เนื่องจากชอร์ตเทนนิ่งมีความเสถียรต่อการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันมากกว่าไขมันประเภทอื่น

ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ shortening ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เรียนรู้ถึงประเภทของมัน ประโยชน์ที่ได้รับ และวิธีการใช้งานในสูตรขนมอบต่างๆ รวมถึงการเปรียบเทียบกับไขมันชนิดอื่นๆ ที่ใช้ในการทำขนมอบ

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Shortening of Pastry ค อ อะไร

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ "shortening" หรือ "shortening of pastry" เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำขนมอบที่มีความกรอบและเนื้อสัมผัสที่ดี ในการทำขนมอบเช่น พาย และคุกกี้ การเลือกใช้ shortening ที่เหมาะสมจะช่วยให้ขนมอบมีความกรอบและไม่ติดกันมากเกินไปShortening คือ ไขมันที่ถูกใช้ในขนมอบเพื่อเพิ่มความกรอบและเนื้อสัมผัสให้กับขนม เมื่อเปรียบเทียบกับเนยที่มีน้ำ ส่วนใหญ่ shortening จะไม่มีน้ำ ทำให้ขนมที่ใช้ shortening มีความกรอบกว่าขนมที่ใช้เนยในการทำขนมอบ Shortening ช่วยลดการพัฒนาของกลูเตนในแป้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ขนมอบมีความเหนียว การใช้ shortening จะช่วยให้แป้งเป็นลักษณะปุยนุ่มและไม่เหนียวหนึบ ทำให้ได้ขนมที่มีเนื้อสัมผัสที่ดีกว่าShortening มีหลายชนิด เช่น Shortening แบบที่เป็นไขมันจากพืช (Vegetable Shortening) และ Shortening แบบที่เป็นไขมันจากสัตว์ (Animal Shortening) ซึ่งแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับประเภทของขนมอบที่ต้องการทำนอกจากนี้ การใช้ shortening ยังช่วยให้ขนมอบมีอายุการเก็บที่นานขึ้น เนื่องจากไขมันใน shortening ช่วยลดการเกิดออกซิเดชันและการเสียหายของขนมอบการเลือกใช้ shortening ที่เหมาะสมและการทำความเข้าใจถึงคุณสมบัติของมัน จะช่วยให้คุณสามารถทำขนมอบที่มีคุณภาพดีและมีรสชาติที่ดีได้อย่างมั่นใจ

Shortening คืออะไร? ความหมายและการใช้ในขนม

Shortening คือ วัตถุดิบประเภทไขมันที่ใช้ในการทำขนมและเบเกอรี่เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสที่นุ่มและกรอบให้กับผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ของคุณ โดยทั่วไปแล้ว shortening มักจะเป็นไขมันที่ผ่านการเติมไฮโดรเจน (hydrogenated fat) หรือไขมันพืชที่ผ่านการแปรรูปให้แข็งตัว ซึ่งช่วยให้ขนมไม่สูญเสียความกรอบและความนุ่มหลังจากที่ได้อบเสร็จแล้วความหมายของ shortening นั้นมาจากการที่มันช่วยลดความยาวของโปรตีนในแป้งที่พัฒนาขึ้นระหว่างการนวด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เนื้อขนมมีความนุ่มและกรอบกว่า เมื่อใช้ shortening ในการทำขนม เช่น คุกกี้ เค้ก หรือพาย เนื่องจากไขมันใน shortening มีคุณสมบัติในการสร้างโครงสร้างที่เป็นชั้นๆ ซึ่งช่วยให้ขนมมีเนื้อสัมผัสที่ดีขึ้นการใช้ shortening ในขนมยังช่วยในการรักษาความสดใหม่ของขนม เพราะไขมันใน shortening ช่วยป้องกันการเกิดการสูญเสียความชื้น และช่วยยืดอายุการเก็บรักษาให้นานยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้ได้ง่ายเนื่องจากไม่ต้องการการแช่เย็นและสามารถใช้แทนเนยหรือไขมันชนิดอื่นๆ ได้ในหลายสูตรการเลือกใช้ shortening จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการทำขนมที่ต้องการความกรอบนอกและนุ่มใน ซึ่งสามารถเพิ่มคุณภาพและความอร่อยให้กับขนมของคุณได้อย่างมากมาย

ประเภทของ Shortening และบทบาทในขนมอบ

Shortening เป็นส่วนประกอบสำคัญในขนมอบที่ช่วยเพิ่มความนุ่มและกรอบให้กับขนมต่าง ๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว Shortening สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ดังนี้:Shortening จากพืช (Vegetable Shortening): Shortening ประเภทนี้มักผลิตจากน้ำมันพืชที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจน (Hydrogenation) เพื่อให้กลายเป็นไขมันที่มีสถานะเป็นของแข็ง ซึ่งมีลักษณะสีขาวและไม่มีรสชาติ ซึ่งเหมาะสำหรับการทำขนมที่ต้องการเนื้อสัมผัสที่กรอบและเบาShortening จากสัตว์ (Animal Shortening): Shortening ที่ได้จากไขมันสัตว์ เช่น หมูหรือเนื้อวัว จะมีรสชาติที่อาจแตกต่างออกไปและมักถูกใช้ในสูตรขนมที่ต้องการรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และเนื้อสัมผัสที่ดีShortening ชนิดผสม (Blended Shortening): เป็นการผสมระหว่าง Shortening จากพืชและสัตว์ หรือการใช้เทคโนโลยีการปรับสภาพไขมันเพื่อให้ได้คุณสมบัติที่เหมาะสมตามความต้องการของสูตรขนมอบ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับเนื้อสัมผัสของขนมบทบาทของ Shortening ในขนมอบนั้นสำคัญมาก เนื่องจากมันช่วยให้ขนมมีความนุ่มและกรอบ ขณะที่ยังช่วยรักษารูปทรงของขนมไม่ให้ละลายหรือแตกง่าย นอกจากนี้ Shortening ยังช่วยให้การตีแป้ง (creaming) กับน้ำตาลมีความราบรื่นมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ขนมอบมีเนื้อสัมผัสที่ดีและรสชาติที่พอใจมากขึ้นการเลือกใช้ Shortening ที่เหมาะสมกับสูตรขนมอบจะช่วยให้ขนมมีคุณภาพที่ดีที่สุด ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดและคุณสมบัติของ Shortening ที่ใช้ในการทำขนมนั้น ๆ

ข้อดีของการใช้ Shortening ในการทำขนม

การใช้ shortening หรือไขมันพืชในการทำขนมมีข้อดีหลายประการที่ช่วยให้ขนมมีคุณภาพดีขึ้นและรสชาติที่ยอดเยี่ยม ต่อไปนี้คือข้อดีหลักๆ ที่คุณจะได้รับจากการใช้ shortening:เนื้อสัมผัสที่กรอบและนุ่ม: Shortening มีลักษณะเป็นไขมันที่ไม่ละลายง่ายในอุณหภูมิห้อง ซึ่งช่วยให้ขนมมีเนื้อสัมผัสที่กรอบและนุ่มอย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะในขนมปังกรอบ เช่น คุกกี้ และพายอายุการเก็บรักษานาน: Shortening มีคุณสมบัติในการเก็บรักษาขนมได้นานกว่าส่วนผสมอื่นๆ เนื่องจากมันมีความเสถียรต่อออกซิเจนและความชื้น ซึ่งช่วยให้ขนมยังคงความสดใหม่และกรอบนานขึ้นไม่มีรสชาติที่เด่นชัด: Shortening มีรสชาติที่ค่อนข้างกลาง จึงไม่ทำให้รสชาติของขนมเปลี่ยนไปมากเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้เนยหรือไขมันจากสัตว์ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถควบคุมรสชาติของขนมได้ดีขึ้นความสะดวกในการใช้งาน: Shortening สามารถใช้งานได้ง่ายและมีความสะดวกในการผสมกับแป้ง ซึ่งช่วยให้การทำขนมของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพลดปัญหาการเกิดแคร็ก: เมื่อใช้ shortening ในการทำขนม คุณจะพบว่าขนมมีความยืดหยุ่นและลดปัญหาการเกิดแคร็กหรือแตกในระหว่างการอบ ทำให้ขนมของคุณมีรูปลักษณ์ที่สวยงามและมีคุณภาพดีการเลือกใช้ shortening ในการทำขนมจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการให้ขนมของตนมีคุณภาพดีและรสชาติยอดเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอ

สรุปการเลือก Shortening ที่เหมาะสมสำหรับการอบขนม

การเลือก Shortening ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการอบขนม เพราะ Shortening มีบทบาทในการปรับปรุงเนื้อสัมผัสและรสชาติของขนมที่คุณอบ การเลือก Shortening ที่ถูกต้องสามารถช่วยให้ขนมของคุณมีความกรอบนอกนุ่มในและรสชาติที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้ขนมมีความคงทนต่อการเก็บรักษานานขึ้น

เมื่อเลือก Shortening ที่จะใช้ในการอบขนม คุณควรพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ประเภทของ Shortening ส่วนผสมใน Shortening และข้อกำหนดในการอบขนมของคุณเอง โดยควรเลือก Shortening ที่เหมาะสมกับสูตรและประเภทของขนมที่คุณต้องการจะทำ

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือก Shortening

  • ประเภทของ Shortening: ควรเลือก Shortening ที่เหมาะสมกับประเภทขนมที่คุณจะอบ เช่น Shortening ที่มีไขมันสูงจะทำให้ขนมกรอบมากขึ้น
  • ส่วนผสม: ตรวจสอบส่วนผสมของ Shortening ว่ามีสารเพิ่มรสชาติหรือสารกันบูดหรือไม่ หากคุณต้องการขนมที่มีรสชาติธรรมชาติและดีต่อสุขภาพ ควรเลือก Shortening ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ
  • ความหนืด: ความหนืดของ Shortening สามารถมีผลต่อเนื้อสัมผัสของขนม ควรเลือก Shortening ที่มีความหนืดเหมาะสมกับสูตรขนมของคุณ
  • ราคาและคุณภาพ: คำนึงถึงงบประมาณของคุณ แต่ควรเลือก Shortening ที่มีคุณภาพดีเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การเลือก Shortening ที่เหมาะสมสำหรับการอบขนมไม่เพียงแต่จะช่วยให้ขนมของคุณมีคุณภาพที่ดีขึ้น แต่ยังสามารถทำให้การอบขนมเป็นประสบการณ์ที่สนุกและน่าพอใจมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ควรใช้เวลาในการเลือก Shortening ที่ดีที่สุดสำหรับสูตรของคุณเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด