กริยาอกรรมกริยา คือ อะไร?

ในภาษาอังกฤษและภาษาอื่น ๆ คำกริยา (verb) มักจะแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ๆ คือ กริยาเจาะจง (finite verbs) และกริยาไม่เจาะจง (non-finite verbs) ซึ่งแต่ละประเภทมีบทบาทและการใช้งานที่แตกต่างกันไป ในการศึกษาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การเข้าใจความแตกต่างระหว่างกริยาเจาะจงและกริยาไม่เจาะจงจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

กริยาไม่เจาะจง หรือ non-finite verbs คือคำกริยาที่ไม่ผันแปรตาม tense, person, หรือ number ซึ่งหมายความว่า กริยาเหล่านี้จะไม่เปลี่ยนรูปตามความต้องการของประโยค เช่น คำกริยาในรูปแบบ infinitive (เช่น to eat), gerund (เช่น eating), และ participle (เช่น eaten) กริยาเหล่านี้มักใช้ในการสร้างโครงสร้างประโยคที่ซับซ้อน หรือเป็นส่วนหนึ่งของประโยคที่แสดงถึงความต้องการ, ความคิด หรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นในลักษณะที่แตกต่างออกไป

การเข้าใจการใช้กริยาไม่เจาะจงจะช่วยให้สามารถสร้างประโยคที่มีความหลากหลายและมีความชัดเจนในการสื่อสารได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ การศึกษากริยาไม่เจาะจงยังช่วยในการพัฒนาทักษะการเขียนและการพูดภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Non-finite Verb คืออะไร?

ในภาษาอังกฤษ "Non-finite verb" หรือ "กริยาที่ไม่จำกัด" หมายถึง กริยาที่ไม่ถูกจำกัดโดยการผันตามกาล, บุคคล, หรือจำนวน ซึ่งแตกต่างจาก "Finite verb" หรือ "กริยาที่จำกัด" ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงตามหลักการของการผันกริยาในแต่ละบุคคลและแต่ละช่วงเวลากริยาที่ไม่จำกัดประกอบด้วย 3 ประเภทหลักๆ คือ:Infinitive (รูปกริยาไม่จำกัด): รูปกริยาที่เริ่มต้นด้วย "to" เช่น "to eat," "to go," และ "to see." ใช้ในการแสดงการกระทำในรูปแบบทั่วไปโดยไม่ระบุเวลา หรือบุคคลเฉพาะGerund (รูปกริยาที่เป็นคำนาม): รูปกริยาที่ลงท้ายด้วย "-ing" เช่น "eating," "going," และ "seeing." ใช้เป็นคำนามในประโยค เช่น "I enjoy swimming."Participle (รูปกริยาที่เป็นคุณศัพท์): แบ่งออกเป็นสองประเภทคือ:Present Participle (รูปกริยาในปัจจุบัน): ลงท้ายด้วย "-ing" เช่น "eating," "going." ใช้ในการสร้าง tense หรือคำคุณศัพท์ในประโยค เช่น "The running water."Past Participle (รูปกริยาในอดีต): มักลงท้ายด้วย "-ed" สำหรับกริยาที่เป็นปกติ เช่น "cooked," "played" หรือมีรูปแบบที่ไม่สม่ำเสมอสำหรับกริยาที่ไม่เป็นปกติ เช่น "eaten," "gone." ใช้ในการสร้าง perfect tenses หรือเป็นคำคุณศัพท์ในประโยค เช่น "The broken vase."การใช้กริยาที่ไม่จำกัดช่วยให้เราแสดงความหมายได้หลากหลาย โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบตามบุคคลและเวลา ซึ่งทำให้การสื่อสารในภาษาอังกฤษมีความยืดหยุ่นและชัดเจนมากขึ้น

ประเภทของ Non-finite Verb

ในภาษาอังกฤษและภาษาไทย, "Non-finite verb" หรือ "คำกริยาที่ไม่ผัน" หมายถึงคำกริยาที่ไม่ถูกผันตามเวลา (tense) หรือประธาน (subject) ซึ่งจะมีลักษณะพิเศษและบทบาทที่แตกต่างกันในการสร้างประโยค โดยทั่วไปแล้ว Non-finite verbs สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้:Infinitive (คำกริยาต้น)Infinitive คือรูปแบบพื้นฐานของคำกริยา โดยทั่วไปจะใช้คำว่า "to" ตามด้วยคำกริยา เช่น "to eat," "to go," หรือ "to see." Infinitive ใช้เพื่อแสดงถึงการกระทำที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นหรือเพื่อบอกวัตถุประสงค์ของการกระทำ เช่น ในประโยค "She wants to learn English," คำว่า "to learn" เป็น infinitive ที่แสดงถึงความต้องการในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ.Gerund (คำกริยาที่เป็นคำนาม)Gerund คือคำกริยาที่เติม "-ing" เพื่อทำให้มันทำหน้าที่เป็นคำนาม เช่น "eating," "going," หรือ "seeing." Gerund ใช้เพื่อบอกถึงการกระทำในลักษณะที่เหมือนคำนาม เช่น ในประโยค "Swimming is my favorite sport," คำว่า "Swimming" เป็น gerund ที่ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค.Participle (คำกริยาที่เป็นคุณศัพท์)Participle มีสองประเภทหลัก ได้แก่ Present Participle และ Past Participle:Present Participle (คำกริยาที่เติม "-ing"): ใช้เพื่อบอกถึงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นหรือการกระทำที่มีลักษณะต่อเนื่อง เช่น "running," "singing," หรือ "writing." ตัวอย่างในประโยค: "The running water was cold." คำว่า "running" เป็น present participle ที่ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์เพื่อบรรยาย "water."Past Participle (คำกริยาที่เติม "-ed" หรือคำที่เป็นพิเศษ): ใช้ในการสร้าง tense ที่สมบูรณ์หรือเป็นคุณศัพท์เพื่อบรรยายสถานะที่เสร็จสิ้น เช่น "broken," "eaten," หรือ "written." ตัวอย่างในประโยค: "The broken vase was on the floor." คำว่า "broken" เป็น past participle ที่ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์เพื่อบรรยาย "vase."การเข้าใจประเภทของ Non-finite verbs จะช่วยให้สามารถใช้คำกริยาได้อย่างถูกต้องและสร้างประโยคที่มีความหมายครบถ้วนมากขึ้นในภาษาอังกฤษและภาษาไทย.

การใช้งาน Non-finite Verb ในประโยค

Non-finite verb (คำกริยาไม่ใช่รูปกาล) เป็นรูปแบบของคำกริยาที่ไม่ผันตามกาล, บุรุษ หรือจำนวนของประธาน และมักจะใช้เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกริยาและส่วนอื่นๆ ของประโยค โดยไม่กำหนดเวลาอย่างเฉพาะเจาะจง ในภาษาอังกฤษ คำกริยาไม่ใช่รูปกาลมีอยู่สามประเภทหลัก ได้แก่ infinitives (รูปกริยาในรูปแบบ "to + base verb"), gerunds (รูปกริยาในรูปแบบ -ing), และ participles (รูปกริยาในรูปแบบ -ed หรือ -en สำหรับ past participle และ -ing สำหรับ present participle)1. Infinitives (รูปกริยาในรูปแบบ "to + base verb")Infinitives มักใช้เพื่อแสดงความตั้งใจหรือเป้าหมาย และมักจะตามด้วยคำกริยาอื่นในประโยค เช่น:I want to learn Thai. (ฉันต้องการเรียนรู้ภาษาไทย)She hopes to find a new job soon. (เธอหวังว่าจะหางานใหม่ได้เร็วๆ นี้)2. Gerunds (รูปกริยาในรูปแบบ -ing)Gerunds ใช้เพื่อแสดงกิจกรรมที่เป็นชื่อสาร หรือทำหน้าที่เป็นคำนามในประโยค ตัวอย่างเช่น:Swimming is good for your health. (การว่ายน้ำดีต่อสุขภาพของคุณ)He enjoys reading books. (เขาชอบการอ่านหนังสือ)3. Participles (รูปกริยาในรูปแบบ -ed หรือ -en สำหรับ past participle และ -ing สำหรับ present participle)Participles สามารถทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์ หรือแสดงถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น:The broken window was repaired. (หน้าต่างที่แตกถูกซ่อมแซมแล้ว)We saw the running man. (เรามองเห็นชายที่กำลังวิ่ง)การใช้ non-finite verbs ช่วยเพิ่มความหลากหลายและความชัดเจนให้กับการสื่อสาร โดยการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกริยาและสิ่งอื่นๆ ในประโยค ซึ่งช่วยให้เราสามารถบรรยายกิจกรรมหรือความตั้งใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ข้อแตกต่างระหว่าง Non-finite Verb และ Finite Verb

การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Non-finite Verb และ Finite Verb เป็นสิ่งสำคัญในการเรียนรู้ไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษ เนื่องจากทั้งสองประเภทนี้มีบทบาทและฟังก์ชันที่แตกต่างกันในการสร้างประโยค1. Finite VerbFinite Verb คือกริยาที่มีการเปลี่ยนรูปตามกาล (tense) และจำนวน (number) ของประธาน (subject) ทำให้สามารถแสดงความสัมพันธ์ระหว่างประธานและกริยาได้อย่างชัดเจน เช่น ในประโยค "She writes a letter," กริยา "writes" แสดงถึงการกระทำในปัจจุบันและเชื่อมโยงกับประธาน "She" ซึ่งเป็นเอกพจน์2. Non-finite VerbNon-finite Verb คือกริยาที่ไม่แสดงการเปลี่ยนรูปตามกาลและจำนวนของประธาน ทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นกริยาหลักในประโยคได้โดยตรง Non-finite Verbs มีหลายประเภท เช่น:Infinitives (to + base form of the verb) เช่น "to read," "to write"Gerunds (verb + -ing) เช่น "reading," "writing"Participles (past or present participle) เช่น "written," "writing"ตัวอย่างเช่น ในประโยค "I want to go home," กริยา "to go" เป็น Infinitive และทำหน้าที่เป็นกรรมของคำกริยา "want" ซึ่งบ่งบอกถึงความต้องการ3. ความแตกต่างหลักFinite Verb มีการเปลี่ยนรูปตามกาลและจำนวนของประธาน สามารถเป็นกริยาหลักในประโยคได้Non-finite Verb ไม่มีการเปลี่ยนรูปตามกาลและจำนวนของประธาน ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นกริยาหลักในประโยคได้ แต่สามารถใช้ร่วมกับ Finite Verbs หรือในบทบาทอื่นๆ เช่น การสร้างกลุ่มกริยา (verb phrases) หรือการทำหน้าที่เป็นคำนาม (noun), คุณศัพท์ (adjective), หรือ กริยาวิเศษณ์ (adverb)การเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้คุณสามารถสร้างและใช้ประโยคได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่างการใช้ Non-finite Verb ในภาษาอังกฤษ

ในการศึกษาเรื่องการใช้ Non-finite verb ในภาษาอังกฤษ เราได้เรียนรู้ถึงบทบาทและการทำงานของคำกริยาที่ไม่ผันตามกาลที่เป็นไปได้หลากหลายรูปแบบ เช่น infinitives, gerunds, และ participles โดย Non-finite verbs เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในประโยคที่ช่วยให้เราสามารถสร้างประโยคที่มีความหมายหลากหลายและซับซ้อนได้

ในตอนนี้เราจะมาดูตัวอย่างของการใช้ Non-finite verbs ที่พบเห็นได้บ่อยในภาษาอังกฤษ เพื่อให้เราเข้าใจการใช้งานในบริบทต่างๆ และสามารถนำไปใช้ในการเขียนและการพูดได้อย่างถูกต้อง

ตัวอย่างการใช้ Non-finite Verb

  • Gerunds: คำกริยาที่ลงท้ายด้วย "-ing" ใช้เพื่อทำหน้าที่เป็นคำนาม ตัวอย่างเช่น:
  • Participles: คำกริยาที่ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์หรือคำกริยาในประโยค ใช้ในรูปแบบ past participle และ present participle ตัวอย่างเช่น:
  • การเข้าใจการใช้ Non-finite verbs อย่างถูกต้องจะช่วยให้การสื่อสารของเรามีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในการเขียนและการพูด การใช้ Non-finite verbs เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างประโยคที่มีความหลากหลายและสามารถแสดงความหมายได้อย่างละเอียด

    ดังนั้นการฝึกฝนการใช้ Non-finite verbs จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรให้ความสำคัญในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และนำไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ อย่างเหมาะสม