Jessner คืออะไร? ทำความรู้จักกับการผลัดเซลล์ผิวที่มีประสิทธิภาพ
การดูแลผิวหน้าและการรักษาสิวเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งมีหลายวิธีที่สามารถเลือกใช้ได้ หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงก็คือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า “Jessner Peel” หรือ "การลอกผิวด้วยเจสเนอร์" นั่นเอง
เจสเนอร์เพลเป็นการรักษาผิวที่ช่วยในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ โดยการใช้สารเคมีในการลอกผิวที่ตายแล้วออกไป ทำให้ผิวใหม่ที่เกิดขึ้นดูสดใสและเรียบเนียนมากขึ้น ซึ่งเป็นเทคนิคที่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ผิวหนังและความงาม
การลอกผิวด้วยเจสเนอร์เพลนั้นใช้สารเคมีที่ผสมผสานระหว่างกรดซาลิไซลิก, กรดแลคติก, และกรดเรซินอลิค ซึ่งช่วยในการลดเลือนริ้วรอย, กระ, ฝ้า, และสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเจสเนอร์เพลในรายละเอียดมากขึ้น รวมถึงข้อดีและข้อควรระวังที่ควรทราบก่อนตัดสินใจใช้วิธีนี้ในการดูแลผิวของคุณ
ประวัติและพื้นฐานของ Jessner
Jessner เป็นหนึ่งในประเภทของสารเคมีที่ใช้ในการทำทรีตเมนต์ผิวหนังที่นิยมในวงการความงามและการแพทย์ผิวหนัง การทำทรีตเมนต์ด้วย Jessner ช่วยในการรักษาปัญหาผิวหนังต่าง ๆ เช่น รอยสิว ริ้วรอย และความไม่สม่ำเสมอของสีผิวประวัติของ Jessnerการทำทรีตเมนต์ด้วยสาร Jessner ได้รับความนิยมในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 โดย Dr. Max Jessner ซึ่งเป็นแพทย์ผิวหนังที่มีชื่อเสียงได้พัฒนาสูตรของสารเคมีนี้ขึ้นมาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในการรักษาผิวหนัง สูตรของเขาประกอบด้วยกรดต่าง ๆ ที่มีประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่พื้นฐานของ Jessnerสูตรของ Jessner ประกอบด้วยสารเคมีหลัก 3 ชนิด ได้แก่:กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid): ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบกรดแลคติก (Lactic Acid): มีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและช่วยในการลดรอยด่างดำกรดเรซินอล (Resorcinol): ช่วยในการลดการเปลี่ยนสีของผิวและมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรียการทำทรีตเมนต์ด้วย Jessner มักจะใช้ในการผลัดเซลล์ผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ ทรีตเมนต์นี้มักจะดำเนินการโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงการใช้ Jessner อาจมีผลข้างเคียงบางประการ เช่น การระคายเคืองของผิวหนัง หรือการลอกของผิวหนังในระยะเวลาหนึ่ง แต่โดยรวมแล้ว เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการปรับสภาพผิวและลดปัญหาผิวหนังต่าง ๆ
ข้อดีและการใช้ Jessner ในการดูแลผิว
การดูแลผิวหน้าเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้ผิวพรรณดูดีและมีสุขภาพดี และหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมคือการใช้กรด Jessner ซึ่งเป็นการทำทรีทเมนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการปรับสภาพผิว
ข้อดีของการใช้ Jessner
-
การปรับสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ: กรด Jessner สามารถช่วยลดจุดด่างดำและรอยดำจากสิว ทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้น
-
ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก: ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ กรด Jessner สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์
-
ปรับสภาพผิวที่มีสิว: การใช้ Jessner สามารถช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและลดการเกิดสิว ทำให้ผิวหน้าดูสะอาดและสดใส
-
กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว: การทำทรีทเมนต์ด้วยกรด Jessner ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียนและมีสุขภาพดี
-
การฟื้นฟูผิวที่เสียหาย: สำหรับผิวที่โดนแดดหรือมีความเสียหายจากมลภาวะ การใช้ Jessner ช่วยฟื้นฟูผิวและลดความเสียหายที่เกิดขึ้น
การใช้ Jessner ในการดูแลผิว
การทำทรีทเมนต์ด้วยกรด Jessner ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เนื่องจากกรดนี้มีความเข้มข้นสูงและอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหากใช้ไม่ถูกต้อง ขั้นตอนในการทำทรีทเมนต์มีดังนี้:
-
การเตรียมผิว: ก่อนการทำทรีทเมนต์ ควรทำความสะอาดผิวหน้าและเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการทำกรด Jessner
-
การทากรด Jessner: ผู้เชี่ยวชาญจะทากรด Jessner ลงบนผิวหน้าโดยใช้แปรงหรือฟองน้ำเฉพาะ
-
การเฝ้าติดตามผล: หลังจากทำทรีทเมนต์แล้ว อาจมีการระคายเคืองหรือแดงเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นปกติและจะค่อยๆ ดีขึ้นในระยะเวลาไม่นาน
-
การดูแลหลังทำทรีทเมนต์: ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง และใช้ครีมบำรุงที่ช่วยในการฟื้นฟูผิว
การใช้ Jessner เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น แต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการทรีทเมนต์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย
วิธีการใช้และคำแนะนำในการใช้ Jessner อย่างถูกต้อง
การใช้ผลิตภัณฑ์ Jessner เป็นวิธีการที่นิยมในการดูแลผิวพรรณ โดยเฉพาะเพื่อการผลัดเซลล์ผิวและการปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้ Jessner ต้องมีการปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง ต่อไปนี้คือวิธีการใช้และคำแนะนำในการใช้ Jessner อย่างถูกต้อง:เตรียมผิวหน้า: ก่อนเริ่มการใช้ Jessner ควรทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจด ใช้คลีนเซอร์ที่อ่อนโยนเพื่อล้างสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางออกจากผิวหน้า หลังจากนั้น ให้ใช้โทนเนอร์เพื่อปรับสภาพผิวและเปิดรูขุมขนให้พร้อมรับการบำรุงการทา Jessner: ทา Jessner โดยให้เริ่มจากการทาในปริมาณน้อยลงและกระจายให้ทั่วใบหน้า เพื่อให้สารทำปฏิกิริยาต่อผิวได้อย่างทั่วถึง ในการทาควรใช้แปรงหรือผ้าก๊อซสะอาด และหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปากการปฏิบัติตามคำแนะนำ: หลังจากการทา Jessner ควรปล่อยให้ผลิตภัณฑ์ทำงานอย่างเต็มที่ตามระยะเวลาที่แนะนำ ซึ่งมักจะอยู่ที่ประมาณ 5-10 นาที ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของผู้ผลิตและสภาพผิวของแต่ละบุคคลการล้างออก: เมื่อถึงเวลาที่กำหนดแล้ว ให้ล้าง Jessner ออกด้วยน้ำอุ่น โดยทำความสะอาดให้หมดจดและหลีกเลี่ยงการถูแรงๆ เพื่อป้องกันการระคายเคืองการดูแลหลังการใช้: หลังจากการใช้ Jessner ผิวอาจมีอาการแดงหรือระคายเคืองเล็กน้อย ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีความชุ่มชื้นสูงและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง การใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงจะช่วยป้องกันการเกิดผิวคล้ำและความเสียหายจากแสงแดดการหลีกเลี่ยงสารก่อระคายเคือง: ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรงหรือการทำทรีตเมนต์ผิวอื่นๆ ในช่วงที่ผิวฟื้นฟูจากการใช้ Jessnerการใช้ Jessner อย่างถูกต้องจะช่วยให้ผิวคุณดูดีขึ้นและลดปัญหาผิวต่างๆ แต่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์นี้ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณและเพื่อให้การดูแลผิวเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นและการดูแลหลังการใช้ Jessner
หลังจากการใช้สารเคมี Jessner อาจเกิดผลข้างเคียงที่ต้องให้ความสนใจเพื่อการดูแลที่ถูกต้องและปลอดภัย ควรระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้การฟื้นฟูผิวหนังเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยรวมถึงการระคายเคืองผิวหนัง เช่น แดง แสบ หรือแห้ง โดยปกติจะค่อยๆ ดีขึ้นในช่วงเวลา แต่การดูแลหลังการใช้มีความสำคัญต่อการลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงเหล่านี้
วิธีการดูแลหลังการใช้ Jessner
การดูแลผิวหลังการใช้ Jessner เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของปัญหาผิวหนังที่อาจเกิดขึ้น โดยการปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้ผิวของคุณฟื้นฟูอย่างรวดเร็วและมีสุขภาพดี