Android ม เวอร์ชัน อะไร บ้าง?

ในปัจจุบัน ระบบปฏิบัติการ Android ได้กลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตทั่วโลก เนื่องจากความหลากหลายของเวอร์ชันที่ออกมาให้บริการผู้ใช้ จึงทำให้ Android สามารถตอบสนองความต้องการและความชื่นชอบที่แตกต่างกันของผู้ใช้งานได้อย่างครบถ้วน

เวอร์ชันของ Android นั้นมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน โดยแต่ละเวอร์ชันจะนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ และการปรับปรุงที่ช่วยให้ประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ดีขึ้น และยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ด้วย

ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับ เวอร์ชันของ Android ที่สำคัญและได้รับความนิยมในช่วงเวลาต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแต่ละเวอร์ชัน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจความแตกต่างและความก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีของระบบปฏิบัติการนี้ได้อย่างชัดเจน

แอนดรอยด์มีเวอร์ชันอะไรบ้างในปัจจุบัน?

ในปัจจุบัน ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มีหลายเวอร์ชันที่ใช้งานอยู่ โดยแต่ละเวอร์ชันมีคุณสมบัติและฟีเจอร์ที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ Google ยังมีการอัปเดตและปล่อยเวอร์ชันใหม่ๆ ออกมาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้และปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบเวอร์ชันล่าสุดของแอนดรอยด์ที่เผยแพร่ในปี 2024 คือ Android 14 ซึ่งมีการปรับปรุงที่สำคัญ เช่น ความปลอดภัยที่ดีขึ้น ฟีเจอร์ใหม่ในการจัดการแบตเตอรี่ และการปรับแต่ง UI ที่ทำให้ใช้งานง่ายขึ้น สำหรับเวอร์ชันก่อนหน้านี้ ได้แก่:Android 13 (Tiramisu): ออกเมื่อปี 2022 มีการปรับปรุงในเรื่องของการจัดการข้อมูลและการควบคุมความเป็นส่วนตัวAndroid 12 (Snow Cone): เปิดตัวในปี 2021 พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงสำคัญในเรื่องของดีไซน์และความปลอดภัยAndroid 11 (Red Velvet Cake): เปิดตัวในปี 2020 เน้นการปรับปรุงการสื่อสารและการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลAndroid 10 (Quince Tart): ออกเมื่อปี 2019 มีการปรับปรุงในเรื่องของการจัดการข้อมูลและฟีเจอร์ที่ช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นการอัปเดตเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ และประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ผู้ผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ยังอาจมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มฟีเจอร์เฉพาะตามความต้องการของตนเองด้วย

เวอร์ชันหลักของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์

ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Google ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในอุปกรณ์มือถือและแท็บเล็ตต่างๆ โดยแอนดรอยด์มีการอัพเดทเวอร์ชันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละเวอร์ชันมีการปรับปรุงและฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่มาพร้อมกับการพัฒนาของระบบปฏิบัติการต่อไปนี้คือเวอร์ชันหลักๆ ของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์:Android 1.0 (2008) – นี่คือเวอร์ชันแรกของแอนดรอยด์ที่เปิดตัวพร้อมกับอุปกรณ์ HTC Dream (G1) มีฟีเจอร์พื้นฐานเช่น แอพพลิเคชัน, เบราว์เซอร์, และการสนับสนุนการโทร.Android 2.0-2.1 Eclair (2009-2010) – นำเสนอการปรับปรุงที่สำคัญ เช่น การสนับสนุนหลายบัญชีอีเมลและการปรับปรุงกล้องถ่ายรูป.Android 2.2 Froyo (2010) – มีการเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพอย่างมาก, รวมถึงการสนับสนุน Flash และการเปิดตัวฟีเจอร์ "Wi-Fi hotspot".Android 2.3 Gingerbread (2010-2011) – การปรับปรุง UI, การสนับสนุน NFC และการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น.Android 4.0 Ice Cream Sandwich (2011) – การเปลี่ยนแปลงสำคัญในการออกแบบ UI รวมถึงการรวมคุณสมบัติของโทรศัพท์และแท็บเล็ต.Android 4.1-4.3 Jelly Bean (2012-2013) – เพิ่มความเร็วในการทำงานของระบบ, การปรับปรุงการแจ้งเตือนและฟีเจอร์ Google Now.Android 4.4 KitKat (2013) – การปรับปรุงการทำงานเพื่อรองรับอุปกรณ์ที่มีฮาร์ดแวร์ที่ต่ำลงและการออกแบบ UI ใหม่.Android 5.0-5.1 Lollipop (2014-2015) – การเปลี่ยนแปลงการออกแบบอย่างชัดเจนด้วย Material Design และการปรับปรุงการจัดการพลังงาน.Android 6.0 Marshmallow (2015) – การแนะนำฟีเจอร์ใหม่ เช่น Doze Mode ที่ช่วยประหยัดพลังงานและการควบคุมการอนุญาตของแอพพลิเคชัน.Android 7.0-7.1 Nougat (2016) – ฟีเจอร์ใหม่เช่น การแบ่งหน้าจอและการแจ้งเตือนที่ปรับปรุง.Android 8.0-8.1 Oreo (2017) – การเพิ่มฟีเจอร์การแจ้งเตือนที่ทันสมัย, การบันทึกการใช้งานแบตเตอรี่ และการสนับสนุนการแสดงผลแบบ Picture-in-Picture.Android 9.0 Pie (2018) – การเปลี่ยนแปลงในการนำทางด้วย Gesture และฟีเจอร์ Adaptive Battery.Android 10 (2019) – การปรับปรุงการจัดการความเป็นส่วนตัวและการออกแบบระบบที่มีความสม่ำเสมอมากขึ้น.Android 11 (2020) – การเพิ่มฟีเจอร์การแจ้งเตือนแบบใหม่และการจัดการความเป็นส่วนตัวที่ดีขึ้น.Android 12 (2021) – การเปลี่ยนแปลงในการออกแบบ UI อย่างใหญ่โตภายใต้ชื่อ "Material You" และฟีเจอร์ใหม่ในการปรับแต่ง.Android 13 (2022) – การเพิ่มฟีเจอร์การปรับแต่งความเป็นส่วนตัวและการปรับปรุงการทำงานของระบบ.Android 14 (2023) – การปรับปรุงฟีเจอร์การจัดการพลังงาน, ความปลอดภัย และการปรับแต่ง UI เพื่อประสบการณ์ที่ดีขึ้น.การพัฒนาของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากอุปกรณ์ของตน

การเปลี่ยนแปลงสำคัญในแต่ละเวอร์ชันของแอนดรอยด์

ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้มีการพัฒนาและอัพเดทอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เวอร์ชันแรก โดยแต่ละเวอร์ชันมีการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่สำคัญ ต่อไปนี้คือการเปลี่ยนแปลงหลักในแต่ละเวอร์ชันที่น่าสนใจ:แอนดรอยด์ 1.0 (2008): เวอร์ชันแรกที่เปิดตัวพร้อมกับสมาร์ทโฟน HTC Dream หรือที่รู้จักกันในชื่อ T-Mobile G1 ซึ่งมีฟีเจอร์พื้นฐานเช่น เว็บเบราว์เซอร์, อีเมล, และการซิงค์กับ Google Servicesแอนดรอยด์ 2.0 – 2.1 (Éclair, 2009): การปรับปรุงที่สำคัญรวมถึงการเพิ่มการสนับสนุนฟังก์ชันการค้นหาและการนำทางที่ดีขึ้น, การสนับสนุนการตั้งค่า E-mail Exchange และการปรับปรุง UI ของแอพพลิเคชันแอนดรอยด์ 4.0 (Ice Cream Sandwich, 2011): การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใน UI กับ "Holo" ธีมที่เรียบง่าย, การปรับปรุงการทำงานของกล้อง และการเพิ่มการสนับสนุนการเปิดหลายแอพในเวลาเดียวกันแอนดรอยด์ 5.0 (Lollipop, 2014): การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือการออกแบบใหม่ที่เรียกว่า "Material Design" ซึ่งมีการปรับปรุงในเรื่องของอินเทอร์เฟซและการโต้ตอบ, รวมถึงการปรับปรุงการจัดการพลังงานที่ดีขึ้นด้วยแอนดรอยด์ 6.0 (Marshmallow, 2015): เพิ่มฟีเจอร์ใหม่เช่น การควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว (Permissions) และการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงานด้วย "Doze Mode" ที่ช่วยประหยัดแบตเตอรี่แอนดรอยด์ 7.0 (Nougat, 2016): การพัฒนาในด้านหลายแอพพลิเคชัน (Multi-Window) และการปรับปรุงระบบแจ้งเตือน (Notification) ที่ให้ผู้ใช้สามารถตอบกลับข้อความจากหน้าจอล็อกได้แอนดรอยด์ 8.0 (Oreo, 2017): การเพิ่มฟีเจอร์ "Picture-in-Picture" ที่ให้ผู้ใช้สามารถดูวิดีโอในหน้าต่างเล็กๆ ขณะทำกิจกรรมอื่น, รวมถึงการปรับปรุงความปลอดภัยและการปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมแอนดรอยด์ 9.0 (Pie, 2018): การนำเสนอระบบการควบคุมที่ใช้การสัมผัสและการใช้งานแบบการเลื่อน (Gestures), รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์ "Digital Wellbeing" ที่ช่วยในการติดตามการใช้งานสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ 10 (2019): การเพิ่มฟีเจอร์การควบคุมการเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้น, การปรับปรุง Dark Mode ที่ทำให้การอ่านในที่มืดสบายตามากขึ้นแอนดรอยด์ 11 (2020): การปรับปรุงในการจัดการการแจ้งเตือน, การควบคุมการเข้าถึงข้อมูลอย่างละเอียด และการปรับปรุงฟีเจอร์การแชร์ข้อมูลที่สะดวกยิ่งขึ้นแอนดรอยด์ 12 (2021): การออกแบบใหม่ใน "Material You" ที่ให้ผู้ใช้ปรับแต่งธีมของระบบได้ตามต้องการ, รวมถึงการปรับปรุงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยแอนดรอยด์ 13 (2022): การเพิ่มฟีเจอร์ในการปรับปรุงการทำงานร่วมกันกับอุปกรณ์หลายตัว, และการปรับปรุงฟีเจอร์ความปลอดภัยเพื่อให้การใช้งานปลอดภัยยิ่งขึ้นแอนดรอยด์ 14 (2023): การพัฒนาฟีเจอร์ใหม่เพื่อความสะดวกในการใช้งาน, การปรับปรุงความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลาย และการเสริมความปลอดภัยด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆการพัฒนาของแอนดรอยด์แต่ละเวอร์ชันแสดงให้เห็นถึงการมุ่งเน้นในการปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ และการตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน

วิธีการตรวจสอบเวอร์ชันของแอนดรอยด์ที่ใช้งานอยู่

การตรวจสอบเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่คุณใช้งานอยู่เป็นขั้นตอนที่ง่ายและสามารถทำได้โดยการทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้:เปิดการตั้งค่า: เริ่มต้นด้วยการเปิดแอปการตั้งค่า (Settings) บนอุปกรณ์ของคุณ ซึ่งปกติแล้วจะมีไอคอนรูปเกียร์บนหน้าจอหลักหรือในเมนูแอปพลิเคชัน.ค้นหาเกี่ยวกับโทรศัพท์: เลื่อนลงมาและค้นหาหมวดหมู่ที่ชื่อว่า “เกี่ยวกับโทรศัพท์” (About Phone) หรือ “เกี่ยวกับอุปกรณ์” (About Device) แล้วแต่ว่าจะเป็นคำไหนในอุปกรณ์ของคุณ.ตรวจสอบเวอร์ชัน: ในหน้าจอ “เกี่ยวกับโทรศัพท์” คุณจะพบข้อมูลที่เรียกว่า “เวอร์ชันของแอนดรอยด์” (Android Version) ซึ่งจะแสดงหมายเลขเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ติดตั้งอยู่บนอุปกรณ์ของคุณ.อัปเดตหากจำเป็น: หากคุณพบว่าเวอร์ชันของแอนดรอยด์ที่ใช้งานอยู่ไม่เป็นเวอร์ชันล่าสุด คุณสามารถตรวจสอบการอัปเดตซอฟต์แวร์ได้จากเมนู “อัปเดตซอฟต์แวร์” (Software Update) ในหน้าตั้งค่า เพื่ออัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด.การตรวจสอบเวอร์ชันของแอนดรอยด์ช่วยให้คุณรู้ว่าคุณกำลังใช้ฟีเจอร์และการปรับปรุงความปลอดภัยล่าสุดหรือไม่ และยังช่วยให้คุณทราบว่าคุณสามารถใช้แอปพลิเคชันที่ต้องการหรือไม่ตามความต้องการของแอปนั้น ๆ.

ความสำคัญของการอัปเดตเวอร์ชันแอนดรอยด์

การอัปเดตเวอร์ชันแอนดรอยด์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากเวอร์ชันใหม่มักจะมีการปรับปรุงในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับฟีเจอร์ใหม่ๆ และการปรับปรุงที่สำคัญได้อย่างเต็มที่

การอัปเดตเวอร์ชันแอนดรอยด์ยังช่วยให้การใช้งานสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น และลดปัญหาที่เกิดจากการใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นเก่า นอกจากนี้ ยังสามารถแก้ไขข้อบกพร่องและปัญหาทางด้านความปลอดภัยที่พบในเวอร์ชันก่อนหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อดีของการอัปเดตเวอร์ชันแอนดรอยด์

  • ความปลอดภัยที่ดีขึ้น: การอัปเดตมักจะรวมถึงการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ซึ่งช่วยป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจากการโจมตีจากผู้ไม่หวังดี
  • ฟีเจอร์ใหม่: เวอร์ชันใหม่มักจะมีฟีเจอร์และเครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น
  • การปรับปรุงประสิทธิภาพ: การอัปเดตช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการ ทำให้การทำงานของแอปพลิเคชันต่างๆ ราบรื่นขึ้น
  • การแก้ไขข้อบกพร่อง: การอัปเดตช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดจากบั๊กในเวอร์ชันก่อนหน้า

สรุปแล้ว การอัปเดตเวอร์ชันแอนดรอยด์เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากอุปกรณ์ของคุณ การติดตามและติดตั้งการอัปเดตเป็นประจำจะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับการใช้งานที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น