แอพอะไรที่ฟังเพลงแล้วบอกชื่อเพลงได้

ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกด้านของชีวิตเรา และหนึ่งในแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงเวลานี้คือแอปที่ช่วยในการระบุชื่อเพลงจากการฟังเนื้อเพลงหรือทำนองของเพลงที่เรากำลังฟังอยู่

แอปพลิเคชันเหล่านี้มีความสามารถในการตรวจจับและระบุเพลงได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่องและฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยให้เราสามารถค้นหาเพลงที่เราชื่นชอบหรืออยากรู้จักได้อย่างง่ายดาย

การใช้งานแอปพลิเคชันเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้เราสามารถค้นพบชื่อเพลงที่เราได้ยินจากวิทยุหรือสถานที่ต่างๆ แต่ยังช่วยให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับศิลปิน อัลบั้ม และเนื้อเพลงของเพลงนั้นๆ ได้อย่างสะดวกสบาย

ในบทความนี้เราจะพาไปสำรวจแอปพลิเคชันที่ดีที่สุดในปัจจุบันซึ่งมีฟังก์ชันในการฟังเพลงและบอกชื่อเพลง เพื่อให้คุณได้รู้จักกับเครื่องมือที่อาจจะเป็นผู้ช่วยที่ดีในการค้นหาเพลงที่คุณรัก

แอปพลิเคชันที่สามารถระบุชื่อเพลงได้จากการฟัง

ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน การค้นหาข้อมูลเพลงที่เราฟังอยู่ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป มีแอปพลิเคชันหลายตัวที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณสามารถระบุชื่อเพลงจากการฟังได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ในที่นี้เราจะมาดูแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมและสามารถทำหน้าที่นี้ได้ดีShazamShazam เป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการระบุชื่อเพลง แอปนี้ใช้อัลกอริธึมที่มีความแม่นยำสูงในการวิเคราะห์เพลงและให้ข้อมูลชื่อเพลงพร้อมกับศิลปินและอัลบั้มที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังสามารถค้นหาเพลงที่ได้ยินจากคลิปวิดีโอหรือเสียงจากสื่ออื่นๆ ได้อีกด้วยSoundHoundSoundHound เป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่มีความสามารถในการระบุชื่อเพลงที่เล่นอยู่ ด้วยเทคโนโลยีการจดจำเสียงที่ล้ำสมัย SoundHound สามารถระบุเพลงได้แม้ในกรณีที่เสียงเพลงไม่ชัดเจน นอกจากนี้ แอปนี้ยังสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อเพลงและการค้นหาเพลงที่ร้องโดยใช้เสียงของผู้ใช้เองMusixmatchMusixmatch นอกจากจะมีความสามารถในการระบุชื่อเพลงแล้ว ยังเป็นแอปพลิเคชันที่มีฟีเจอร์การแสดงเนื้อเพลงแบบเรียลไทม์ขณะเพลงเล่นอยู่ได้ด้วย ผู้ใช้สามารถใช้ Musixmatch ร่วมกับแอปฟังเพลงอื่นๆ เพื่อรับข้อมูลเนื้อเพลงและค้นหาชื่อเพลงได้อย่างสะดวกGoogle Assistant และ Siriทั้ง Google Assistant และ Siri บน iOS สามารถระบุชื่อเพลงได้ด้วยการฟังเพลงที่เล่นอยู่ โดยใช้ฟีเจอร์ “What’s this song?” (เพลงนี้คืออะไร?) คุณสามารถถามผู้ช่วยดิจิทัลเหล่านี้ได้ทันที และพวกเขาจะพยายามให้ข้อมูลเกี่ยวกับเพลงที่กำลังเล่นการใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้การค้นหาเพลงเป็นเรื่องง่าย แต่ยังช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการฟังเพลงของคุณให้ดียิ่งขึ้น เพราะคุณสามารถรับรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเพลงที่คุณสนใจได้ทุกที่ทุกเวลา

แอปพลิเคชันยอดนิยมสำหรับการค้นหาเพลงจากเสียง

ในยุคที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การค้นหาเพลงที่คุณชอบจากเสียงที่ได้ยินเป็นเรื่องที่สะดวกและง่ายกว่าที่เคย แอปพลิเคชันที่สามารถระบุชื่อเพลงจากเสียงเพลงที่เราได้ยินกำลังเป็นที่นิยมและช่วยให้การค้นหาเพลงของเราง่ายขึ้นมาก นี่คือบางแอปพลิเคชันยอดนิยมที่คุณสามารถใช้ในการค้นหาเพลงจากเสียง:ShazamShazam เป็นแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการค้นหาเพลงจากเสียง เพียงแค่เปิดแอปพลิเคชันและให้มันฟังเพลงที่กำลังเล่น แอปจะทำการวิเคราะห์เสียงและแสดงชื่อเพลงพร้อมกับศิลปินให้คุณทราบ นอกจากนี้ Shazam ยังมีฟีเจอร์ในการสร้างรายการเพลงและสามารถเชื่อมต่อกับบริการสตรีมมิ่งเพลงต่างๆ ได้อีกด้วยSoundHoundSoundHound เป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่มีฟีเจอร์คล้ายกับ Shazam แต่มีความโดดเด่นในด้านการค้นหาเพลงที่สามารถรับรู้เสียงร้องของคุณได้ด้วย เพียงแค่ร้องเพลงหรือฮัมเพลงลงในแอป SoundHound จะทำการค้นหาและบอกชื่อเพลงให้คุณทราบ แอปนี้ยังมีฟีเจอร์การค้นหาศิลปินและเนื้อเพลงเพิ่มเติมMusixmatchMusixmatch นอกจากจะเป็นแอปพลิเคชันที่ให้บริการเนื้อเพลงแบบเรียลไทม์แล้ว ยังมีฟีเจอร์ค้นหาเพลงจากเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ด้วยการใช้งานที่สะดวกและฐานข้อมูลที่กว้างขวาง Musixmatch เป็นตัวเลือกที่ดีในการค้นหาเพลงและดูเนื้อเพลงพร้อมกับการฟังเพลงที่คุณชื่นชอบGoogle AssistantGoogle Assistant ไม่เพียงแต่เป็นผู้ช่วยเสมือนทั่วไป แต่ยังสามารถค้นหาเพลงจากเสียงได้เช่นกัน โดยการใช้คำสั่งเสียงอย่าง “What’s this song?” หรือ “Identify this song” หลังจากนั้น Google Assistant จะฟังเสียงเพลงที่คุณพูดถึงและให้ข้อมูลเกี่ยวกับเพลงนั้นการใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้การค้นหาเพลงเป็นเรื่องง่าย แต่ยังช่วยเพิ่มความสะดวกในการค้นหาสิ่งที่คุณชอบจากเสียงเพลงที่คุณได้ยินในชีวิตประจำวัน ทดลองใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้เพื่อค้นพบเพลงใหม่ๆ และเพลิดเพลินไปกับโลกของดนตรีที่ไม่มีที่สิ้นสุด!

วิธีการทำงานของแอปพลิเคชันค้นหาเพลง

แอปพลิเคชันค้นหาเพลงที่สามารถบอกชื่อเพลงได้มีการทำงานที่ซับซ้อนและน่าสนใจ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถรู้จักชื่อเพลงที่กำลังฟังอยู่ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แอปพลิเคชันเหล่านี้มักใช้เทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าในด้านการประมวลผลเสียงและฐานข้อมูลเพลง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอนหลักๆ ดังนี้:การจับเสียงเพลง (Audio Capture): แอปพลิเคชันจะเริ่มต้นด้วยการใช้ไมโครโฟนของอุปกรณ์ในการจับเสียงเพลงที่กำลังเล่นอยู่ในสภาพแวดล้อมของผู้ใช้ การบันทึกเสียงนี้จะเป็นข้อมูลที่แอปพลิเคชันใช้ในการประมวลผลต่อไปการประมวลผลเสียง (Audio Processing): หลังจากที่ได้เสียงเพลงแล้ว แอปพลิเคชันจะทำการแปลงเสียงให้เป็นรูปแบบที่สามารถวิเคราะห์ได้ ซึ่งรวมถึงการลดเสียงรบกวน และการแยกแยะคุณสมบัติสำคัญของเสียง เช่น ความถี่และลักษณะของคลื่นเสียงการเปรียบเทียบลายนิ้วมือเสียง (Audio Fingerprinting): แอปพลิเคชันจะใช้เทคโนโลยีการสร้างลายนิ้วมือเสียง (Audio Fingerprinting) เพื่อสร้างข้อมูลที่เป็นเอกลักษณ์ของเพลงนั้นๆ ข้อมูลนี้จะถูกเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลเพลงที่มีอยู่ในระบบการค้นหาในฐานข้อมูล (Database Search): เมื่อสร้างลายนิ้วมือเสียงได้แล้ว แอปพลิเคชันจะค้นหาข้อมูลที่ตรงกับลายนิ้วมือเสียงในฐานข้อมูลเพลงขนาดใหญ่ที่มีเพลงมากมาย ซึ่งจะช่วยให้สามารถระบุชื่อเพลงและศิลปินได้การแสดงผล (Results Display): หลังจากที่แอปพลิเคชันได้ค้นพบข้อมูลที่ตรงกับลายนิ้วมือเสียง มันจะส่งกลับผลลัพธ์ที่แสดงชื่อเพลง, ศิลปิน, และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้กับผู้ใช้การทำงานของแอปพลิเคชันค้นหาเพลงมีความซับซ้อนและใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีและแม่นยำในการค้นหาเพลงที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการระบุชื่อเพลงจากเสียงที่บันทึกได้

ข้อดีและข้อเสียของแอปพลิเคชันแต่ละตัว

ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า แอปพลิเคชันที่สามารถฟังเพลงแล้วบอกชื่อเพลงมีหลายตัวเลือกให้เราใช้บริการ ซึ่งแต่ละตัวมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนี้:

Shazam

ข้อดี:

ความแม่นยำสูง: Shazam มีระบบการตรวจจับเพลงที่มีความแม่นยำสูง สามารถบอกชื่อเพลงและศิลปินได้อย่างรวดเร็ว

ฐานข้อมูลเพลงกว้างขวาง: มีฐานข้อมูลเพลงที่ใหญ่และครอบคลุมหลากหลายแนวเพลง

ฟังก์ชันเพิ่มเติม: รองรับการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มเพลงต่างๆ และสามารถบันทึกเพลงที่ค้นหาไว้ได้ข้อเสีย:ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อทำงานการโฆษณา: เวอร์ชันฟรีมักจะมีโฆษณาคั่นกลาง ซึ่งอาจรบกวนประสบการณ์การใช้งาน

SoundHound

ข้อดี:

ค้นหาเพลงจากการร้องเพลง: สามารถค้นหาเพลงจากการร้องหรือบรรยายของผู้ใช้ได้ ซึ่ง Shazam ไม่สามารถทำได้

รองรับหลายภาษา: มีฟังก์ชันในการค้นหาเพลงที่มีหลายภาษาข้อเสีย:ความแม่นยำในการค้นหาน้อยกว่าบางครั้ง: อาจมีความแม่นยำในการค้นหาต่ำกว่า Shazam บางครั้งใช้ทรัพยากรเยอะ: อาจใช้ทรัพยากรของโทรศัพท์มากกว่าบางแอปพลิเคชัน

Musixmatch

ข้อดี:

แสดงเนื้อเพลง: มีฟังก์ชันในการแสดงเนื้อเพลงพร้อมกับเพลงที่กำลังเล่น

ฟังก์ชันการแปล: สามารถแปลเนื้อเพลงเป็นหลายภาษาได้ข้อเสีย:ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: เช่นเดียวกับแอปพลิเคชันอื่น ๆ ส่วนใหญ่ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตการสมัครสมาชิก: ฟีเจอร์บางอย่างอาจจำเป็นต้องสมัครสมาชิกพรีเมียมเพื่อใช้งาน

Google Assistant

ข้อดี:

ฟังก์ชันหลากหลาย: นอกจากการค้นหาเพลงแล้ว ยังสามารถทำงานอื่น ๆ ได้ เช่น การตั้งเตือนหรือค้นหาข้อมูลทั่วไป

รองรับหลายแพลตฟอร์ม: สามารถใช้งานได้ทั้งบนอุปกรณ์ Android และ iOSข้อเสีย:ความแม่นยำต่ำกว่าบางแอปพลิเคชันเฉพาะทาง: การค้นหาเพลงอาจไม่แม่นยำเท่ากับ Shazam หรือ SoundHoundการตั้งค่าที่ซับซ้อน: ฟังก์ชันที่หลากหลายอาจทำให้การตั้งค่าและใช้งานยุ่งยากขึ้นการเลือกแอปพลิเคชันที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล เช่น ความแม่นยำในการค้นหา ฟังก์ชันเสริม และความสะดวกในการใช้งาน การรู้ข้อดีและข้อเสียของแต่ละแอปพลิเคชันจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นในการเลือกใช้แอปพลิเคชันที่ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด.

แอปพลิเคชันที่แนะนำสำหรับการค้นหาเพลงในประเทศไทย

ในยุคที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว การค้นหาเพลงที่เราชอบหรือเพลงที่เราได้ยินในชีวิตประจำวันสามารถทำได้ง่ายขึ้นผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการระบุและค้นหาเพลง แอปพลิเคชันเหล่านี้ไม่เพียงแต่สามารถบอกชื่อเพลงได้ แต่ยังมีฟังก์ชันอื่นๆ ที่ช่วยให้เราสามารถค้นพบเพลงใหม่ๆ หรือค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเพลงที่เราชื่นชอบได้อีกด้วย

ในประเทศไทย แอปพลิเคชันที่นิยมสำหรับการค้นหาเพลงและการระบุชื่อเพลงมีหลายตัวเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งแต่ละตัวเลือกมีคุณสมบัติที่โดดเด่นและตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้ ดังนี้:

  • Shazam – เป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการระบุชื่อเพลง โดยสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน
  • SoundHound – มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถค้นหาเพลงได้จากการร้องหรือฮัมเพลงเอง นอกจากนี้ยังสามารถแสดงเนื้อเพลงและข้อมูลเกี่ยวกับศิลปิน
  • Musixmatch – เน้นที่การแสดงเนื้อเพลงที่ซิงค์กับเพลงที่กำลังเล่นอยู่ และยังสามารถใช้ในการค้นหาเพลงได้
  • Google Assistant – สามารถใช้คำสั่งเสียงเพื่อค้นหาเพลงที่คุณได้ยินโดยไม่จำเป็นต้องเปิดแอปพลิเคชันเฉพาะ
  • Apple Music – นอกจากจะเป็นแอปสำหรับสตรีมมิ่งเพลงแล้ว ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยค้นหาเพลงที่คุณต้องการได้อย่างรวดเร็ว

การเลือกใช้แอปพลิเคชันที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาและระบุเพลงได้ดีขึ้น โดยการพิจารณาจากความสะดวกในการใช้งาน และฟีเจอร์ต่างๆ ที่ตอบสนองความต้องการของแต่ละบุคคล